บันทึกการเรียน ครั้งที่14
วันพุธ ที่25 เมษายน 2561

เนื้อหา
การนำเสนอคำคมทางการบริการคุณลักษณะของผู้นำที่ดี
โดย นางสาวภัสสร คล้ายพันธ์

การนำเสนอคำคมทางการบริการคุณลักษณะของผู้นำที่ดี
โดย นางสาวกมลชนก ทองสารไตร

การนำเสนอคำคมทางการบริการคุณลักษณะของผู้นำที่ดี
โดย นางสาวปรียา นักทำนา

การนำเสนอโครงการขอจัดตั้งสถานศึกษาระดับปฐมวัย
กลุ่มที่1 โรงเรียนอนุบาลนานาชาติไทย-อเมริกัน
หลักการและเหตุผล
      เด็กวัย ๐ – ๖ ปี เป็นช่วงอายุที่มีความสำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ เพราะเป็นระยะที่ร่างกายมีอัตราการพัฒนาสูงมากโดยเฉพาะทางสมอง ถ้าเด็กได้รับการพัฒนาเลี้ยงดูที่ดี ถูกต้องตามหลักจิตวิทยาและหลักวิชาการอื่น ๆ เด็กก็จะพัฒนาได้เต็มศักยภาพ และสามารถเจริญเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป
     ในปัจจุบันประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นด้าน สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการสื่อสารที่ไร้พรมแดน ทำให้เด็กต้องปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และเด็กๆสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข การพัฒนาฝึกฝนให้เด็กมีความรู้ ทักษะที่จำเป็นในด้านต่างๆ ดังนั้นทางโรงเรียนอนุบาลนานาชาติไทย-อเมริกัน จึงได้ดำเนินการตามความพร้อมและความต้องการของประชาชนในชุมชนท้องถิ่นเพื่อจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลนานาชาติไทย-อเมริกันที่สอนเด็กโดยใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับให้การศึกษาและเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย ทั้งนี้ เพื่อให้เด็กปฐมวัยได้รับการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา อย่างเหมาะสมตามวัยและเต็มศักยภาพตลอดจนเพื่อแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง และเป็นพื้นฐานของการศึกษาระดับสูงขึ้นต่อไป
     โรงเรียนอนุบาลนานาชาติไทย-อเมริกัน ตระหนักถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุนชนท้องถิ่นและความสำคัญของการพัฒนาเด็กปฐมวัย จึงได้จัดทำโครงการจัดตั้ง โรงเรียนอนุบาลนานาชาติไทย-อเมริกันขึ้น

วัตถุประสงค์

1. เพื่อให้เด็กในชุมชนได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสมตามวัยเท่าเทียมเสมอภาคกันกับต่างประเทศ
2. เพื่อเตรียมความพร้อมให้เด็กสามารถเข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ

ข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียน 
ระดับชั้นที่เปิดสอน ดังนี้เปิดสอน
– นักเรียนชั้นอนุบาล 1 (อายุ 3 ขวบ) 1 ห้องเรียน
– นักเรียนชั้นอนุบาล 2 (อายุ 4 ขวบ) 1 ห้องเรียน
– นักเรียนชั้นอนุบาล 3 (อายุ 5 ขวบ) 1 ห้องเรียน
รวมมีนักเรียนทั้งหมด 90 คน มีเด็กพิเศษจำนวน 10 คน
จำนวนบุคลากร 23 คน

คำขวัญ 
เด็กดีมีคุณธรรม มุ่งสู่สากล บนพื้นฐานความเป็นไทย

วัตถุประสงค์เฉพาะของโรงเรียน 
1. เพื่อให้เด็กได้พัฒนาทักษะทางสังคม ปรับตัวสู่สภาพแวดล้อมในสังคมโรงเรียนรอบตัว
2. เพื่อพัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวม จัดการเรียนการสอนตามระบบอเมริกันในประเทศไทย

ปรัชญาของโรงเรียน 
     พัฒนาเด็กปฐมวัยเต็มตามศักยภาพสอดคล้องกับพัฒนาการทางด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ - จิตใจ ด้านสังคมด้านสติปัญญา และเป็นไปโดยธรรมชาติภายใต้สิ่งแวดล้อมที่อบอุ่น ปลอดภัยเป็นอิสระผสมผสานศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น

วิสัยทัศน์ 
     มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ ควบคู่การใช้เทคโนโลยี มีคุณธรรมจริยธรรม สืบสานภูมิปัญญา พัฒนาประสิทธิภาพทางการบริหาร มีแหล่งการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียน

คติพจน์ของโรงเรียน 
สุวิชาโน ภะวัง โหติ ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ

ปณิธานของโรงเรียน 
    คณะครูและนักเรียน จะยึดมั่นในคุณธรรมและความดี เพื่อรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของโรงเรียน อันเป็นที่รักของพวกเรา

พันธกิจ 
1. จัดหลักสูตรการเรียนรู้ที่สนองความต้องการของผู้เรียน และทันต่อการเปลี่ยนแปลงในสังคมโลกมุ่งสู่สากล เสริมสร้างนักเรียนมีศักยภาพเป็นพลโลก
2. ปรับวิธีเรียน เปลี่ยนวิธีสอน โดยใช้สื่อนวัตกรรม เทคโนโลยีที่ทันสมัย
3. จัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา คุณภาพผู้เรียนทุกด้านมีค่านิยมอันดีงามและทักษะการดำเนินเนินชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข โดยสันติวิธีในระบบประชาธิปไตย
4. พัฒนาบุคลากรทุกฝ่ายของโรงเรียนให้มีความรู้ความสามารถในหน้าที่ที่รับผิดชอบและนำศักยภาพนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนานักเรียน
5. ส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างโรงเรียน บ้าน และชุมชน ในการระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน

โครงสร้างหลักสูตร 
หลักสูตรเตรียมอนุบาลและระดับอนุบาล
     การจัดการเรียนการสอนระดับชั้นเตรียมอนุบาลและอนุบาลของโรงเรียนThai-American Kindergarten International schoolมุ่งเน้นพัฒนาทักษะพื้นฐาน เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าเรียนในระดับประถมศึกษาต่อไป ครูผู้สอนมีความเชี่ยวชาญการสอนระดับปฐมวัยและพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของเด็กแต่ละคน สอนให้นักเรียนรู้จักสังเกต ค้นพบ และเจริญเติบโต ห้องเรียนกว้างขวาง มีสื่อการเรียนการสอนครบ เพื่อให้นักเรียนมีพัฒนาการด้านร่างกาย ด้านวิชาการ สังคม และอารมณ์ ได้จัดการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ใส่ใจในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับเด็กเล็กเพื่อการพัฒนาทักษะพื้นฐาน โดยเฉพาะได้รับการฝึกฝนอย่างเต็มที่ กระตุ้นให้เด็กเรียนรู้ มีประสบการณ์เรียนรู้ ค้นคว้า สำรวจ สู่โลกกว้าง เด็กๆได้ความสนุกสนานเพลิดเพลินและอุปกรณ์การเรียนครบครัน พัฒนาการทางด้านร่างกาย ด้านสังคม และด้านอารมณ์
     นักเรียนระดับเตรียมอนุบาล มีอายุระหว่าง 2-4 ปี การจัดการเรียนการสอนมุ่งเน้นพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์ ด้านสังคม ด้านอารมณ์ และด้านร่างกาย เพื่อให้เด็กวัยนี้สนุกสนานกับการเรียนรู้ ครูจะนำนักเรียนให้เรียนรู้ผ่านการเล่นที่มีประโยชน์ สนุกสนาน และเสริมสร้างการเป็นผู้นำในอนาคต นักเรียนระดับชั้นอนุบาลปี 1-2 มีอายุระหว่าง 5-6 ปี การจัดการเรียนการสอนมุ่งเน้นพัฒนาการด้านการสื่อสารและการให้ความร่วมมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้จักตนเอง มีความรับผิดชอบ และสามารถช่วยเหลือตนเองได้ เด็กวัยนี้เริ่มเรียนรู้การออกเสียง ทักษะการอ่านเริ่มต้น พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านการเล่นเกม การร้องเพลง และกิจกรรมเสริมประสบการณ์การเรียนรู้

กลุ่มที่2 Big tiger International School
หลักการและเหตุผล
     สังคมไทยในปัจจุบันกำลังอยู่ในภาวะของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในหลายๆด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านครอบครัวและสภาพชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งครอบครัวถือว่าเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในสังคมแต่เป็นหน่วยที่มีอิทธิพลอย่างมากในสังคม โดยลักษณะครอบครัวในสมัยก่อนเป็นครอบครัวขนาดใหญ่มีพ่อแม่ ลุงป้า น้าอา ปู่ย่า ตายาย อาศัยอยู่ร่วมกัน เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างมาก และพ่อแม่มีเวลาในการอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูลูก มีเวลาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ในปัจจุบันครอบครัวไทยแตกต่างไปจากเดิม จากครอบครัวใหญ่กลายเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น ทำให้ทุกคนในครอบครัวต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ ส่งผลทำให้ความใกล้ชิดและการดูแลเอาใจใส่บุตรหลานและคนในครอบครัวลดลง ซึงเด็กจะไม่ได้รับการพัฒนาตามวัยได้เท่าที่ควร เพราะว่าในการเลี้ยงเด็กสมัยนี้จะต้องคำนึงถึงพัฒนาการด้านต่าง ๆ เพราะในการเรียนรู้ของเด็กในช่วง 0-3ปีเป็นช่วงที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการทางด้านร่างกาย สังคม อารมณ์ สติปัญญา
     จากสถานการณ์ในปัจจุบัน คณะผู้จัดทำธุรกิจโรงเรียนBig tiger International School เล็งเห็นถึงโอกาสในการจัดต้องโรงเรียนอนุบาลขึ้นมาเพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของผู้ปกครองที่จะให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านต่าง ๆที่ดีขึ้น การดำเนินธุรกิจโรงเรียนอนุบาลภายใต้ชื่อโรงเรียน Big tiger International School เพื่อประกอบธุรกิจด้านสถานศึกษาในระดับเตรียมอนุบาลจนถึงระดับอนุบาล3 ทางโรงเรียนอนุบาล Big tiger International School มีแนวคิดในการจัดการศึกษาเน้นที่การให้โรงเรียนเป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริงมิใช่เป็นเพียงสินค้าที่เสนอขายด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดการจัดการเรียนรู้ภายในโรงเรียนเน้นการให้เกียรติซึ่งกันและกันระหว่างครูกับผู้เรียน การเคารพแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ไม่ใช่เด็กจะต้องมาคอยรับการป้อนจากครูเท่านั้นบรรยากาศการเรียนรู้จะเต็มไปด้วยความสุข ให้เสรีภาพในการคิดและการแสดงออก ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเป็นหลัก นอกจากนี้กิจกรรมการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน Big tiger International School จะเป็นการดำเนินแนวคิดหรือทฤษฎีทางการศึกษาและการทำงานของสมองมาออกแบบเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย สนุกสนาน สอดคล้องกับธรรมชาติ พัฒนาการหลักจิตวิทยาการเติบโตของสมองและความต้องการของเด็กแต่ละคนซึ่งมีความถนัด ความชอบแตกต่างกันเพื่อให้เด็กทุกคนเห็นการเรียนรู้นั้นเป็นกิจกรรมที่มีความสุขดังนั้นจึงได้จัดตั้งโรงเรียนอนุบาล Big tiger International School แห่งนี้ขึ้นมา

วัตถุประสงค์

๑.เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้พื้นฐาน อันจำเป็นในการดำรงชีวิต ให้ผู้เรียน คิดเป็น ทำเป็น มีทักษะในการวิเคราะห์ แก้ปัญหาด้วยตนเองนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง
๒.เพื่อให้เด็ก ได้รับการเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา และมีความพร้อมในการเข้าเรียนในชั้นประถมศึกษาต่อไป
๓.เพื่อให้เด็กได้รับการศึกษาและพัฒนาด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยสู่สากล

ข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษา
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อสถานศึกษา Big tiger International School
ตั้งอยู่เลขที่ 467 ซอยสุขุมวิท24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย จังหวัด กรุงเทพมหานคร
รหัสไปรษณีย์ 10110 โทรศัพท์ 043-762630 โทรสาร0-23786589
e-mail Big tiger International School@hotmail.com website Big tiger International School.com
สังกัด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน

คำขวัญ

ขุมทรัพย์ความรู้ ก้าวสู่โลกกว้าง นวัตกรรมนำทาง เสริมสร้างปัญญา 

วัตถุประสงค์เฉพาะของโรงเรียน 

1.เด็กทุกคนมีพัฒนาการทางด้านร่างกายที่เจริญเติบโตตามวัยและมีสุขนิสัยที่ดี
2.เด็กทุกคนมีระเบียบวินัย รู้จักการเสียสละและแบ่งปัน มีจิตใจที่ดีงาม อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข และปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
3.เด็กทุกคนมีความชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี กีฬา
4.เด็กทุกคนช่วยเหลือตนเองได้เหมาะสมกับวัย
5.เด็กทุกคนมีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น
6.เด็กทุกคนปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
7.เด็กทุกคนใช้ภาษาในการสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย
8.เด็กทุกคนคิดและการแก้ปัญหาได้เหมาะสมกับวัย
9.เด็กทุกคนมีจินตนาการและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
10.เด็กทุกคนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน

ปรัชญาของโรงเรียน 
     โรงเรียน Big tiger International School มีความมุ่งมั่นในการจัดวางระบบการเรียนการสอนให้ได้คุณภาพและมาตรฐานสูง เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด รวมถึงช่วยเสริมสร้าง ประสบการณ์ชีวิตให้นักเรียนได้เรียนรู้ เข้าใจตนเองและสังคม มีความมั่นใจและภูมิใจในตนเอง กล้าแสดงออก มีจริยธรรม ซื่อสัตย์ และมีระเบียบวินัย เพื่อเตรียมความพร้อมให้เยาวชนไทยมิใช่เพียงเพื่ออยู่รอดได้ในสังคมอนาคตเท่านั้น แต่เพื่อให้พวกเขาได้เป็นผู้นำที่ดีในอนาคตเช่นกัน

วิสัยทัศน์
     วิสัยทัศน์ของโรงเรียน Big tiger International School มุ่งเน้นให้โรงเรียนเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล และสนับสนุน ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความคิดสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรมการศึกษาใหม่ให้เหมาะสมกับศักยภาพของผู้เรียนแต่ละบุคคล ให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด

คติพจน์ของโรงเรียน 
     เรียนรู้เพื่อนำสู่การคิด การใช้ความคิด เพื่อนำไปสู่การเรียนรู้

ปณิธานของโรงเรียน 
    โรงเรียน Big tiger International School มีความมุ่งมั่นในการพัฒนานักเรียนให้พัฒนาศักยภาพตนเอง ส่งเสริมความรู้ และนวัตกรรม สู่สากล

พันธกิจ 
1.จัดและส่งเสริมการจัดการศึกษาแนวใหม่ โดยมุ่งพัฒนาความคิด ศักยภาพผู้เรียน ให้รู้จักตนเอง และมีเป้าหมายชีวิต
2.จัดและส่งเสริม พัฒนาผู้เรียนด้านวิชาการและความรู้อันเป็นสากล
3.ส่งเสริม พัฒนาบุคลากรให้มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และก้าวล้ำนวัตกรรมและเทคโนโลยี
4.จัดสภาพแวดล้อม อาคารสถานที่ บรรยากาศ การเรียนการสอนที่เอื้อต่อการเรียนรู้อย่างมีความสุขของผู้เรียน
5.สร้างเครือข่ายผู้ปกครองที่เข้มแข็ง และความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน

โครงสร้างหลักสูตร
      โรงเรียนนานาชาติ Big tiger International School เปิดหลักสูตรนานาชาติแบบองค์รวม กรอบหลักสูตรของเราจะนำเสนอวิธีการแบบบูรณาการในการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันสำหรับนักเรียน ทั้งนี้ระดับชั้นอนุบาลของเราจะสอดคล้องกับหลักสูตรสิงคโปร์เป็นพื้นฐานในเรียนรู้สำหรับช่วงชั้นปฐมวัย โดยจะประกอบด้วย
A. การพัฒนา ความเป็นตัวตน : อารมณ์ ทักษะทางสังคม และทัศนคติ 
     หลักสูตรของเรามีวิธีการแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาทักษะชีวิตสำหรับนักเรียนอนุบาล เรามีจุดมุ่งหมายคือการ เสริมสร้างทักษะของนักเรียน ในการเรียนรู้ทักษะชีวิตประจำวัน เพื่อพัฒนาความเป็นตัวตนของนักเรียนร่วมกับเพื่อนๆ โดยนักเรียนจะมีโอกาสในการเรียนรู้แนวคิดและใช้ทักษะการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
B. การสื่อสารและความสามารถเชิงภาษา ในรายวิชา ภาษาอังกฤษ ไทยจีนเกาหลีและญี่ปุ่น
     โรงเรียนของเรามีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับผู้เรียนปฐมวัยในการเพิ่มศักยภาพอันหลากหลายทางภาษา รวมทั้ง’ ภาษาแม่ ‘ของนักเรียนเอง นักเรียนปฐมวัยจะสัมผัสกิจกรรมการเรียนการสอน ผ่านเพลง และเรื่องราว ในภาษาอังกฤษ ไทย และจีนโดยนักเรียนได้มีโอกาสรับรู้ผ่านการได้ฟัง และสัมผัสการใช้ภาษาที่แตกต่างกันตลอดทั้งวันเลยทีเดียว
C.องค์ความรู้ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ 
     หลักสูตรคณิตศาสตร์รูปแบบสิงคโปร์ จัดอยู่ในห้าอันดับแรกในโลก โรงเรียนของเราได้บูรณาการการหลักสูตรสิงคโปร์ ในสภาพแวดล้อมอันหลากหลายทางภาษา รวมทั้งมีบูรณาการตามวิถีธรรมชาติแบบฉบับแนวคิดพื้นฐานที่สำคัญ เช่น การนับ รูปร่าง พื้นที่ รวมไปถึงการเสริมสร้างทักษะเชิงกระบวนการ เช่น การคำนวณ การวัดและการจำแนก พื้นที่ในเนื้อหารายวิชาคณิตศาสตร์และ วิทยาศาสตร์
D. ทักษะทางสังคม และ การสำรวจโลก 
     โรงเรียนของเรามีการจัดการเรียนรู้โดยการสร้างประสบการณ์ตรงอันมีความหมายสำหรับพวกเขา ห้องเรียนของเราเต็มไปด้วยกิจกรรมที่สนุกสนาน นักเรียนจะได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมการเล่นซึ่งเป็นวิธีการที่นักเรียนจะได้เรียนรู้การสัมผัสได้ถึงโลกรอบตัว จากการเล่นซึ่งเป็นฐานนักเรียนสามารถพัฒนาทักษะทางสังคม การเป็นพหุปัญญา การสร้างวุฒิภาวะ อีกทั้งยังเสิรมสร้างความมั่นใจในตนเองซึ่งเป็นฐานสำคัญในการสร้าง ประสบการณ์ใหม่ๆรวมถึงการเรียนรู้สภาพแวดล้อมทางสังคมอีกด้วย นอกจากนี้หลักสูตรของเรายังมุ่งเน้นการเรียนรู้ผ่านทักษะการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง สอบถามพูดคุยโดยคำนึงการเก็บข้อมูล ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ที่เอื้อต่อความสามารถทางการคิดของนักเรียน
E.สมรรถนะด้านร่างกาย 
    โรงเรียนของเราตระหนักถึงความสำคัญ ของ ” สร้างความแข็งแรงจากนิ้วมือสู่นิ้วเท้า ” ในการสร้างความมั่นใจว่าบุตรหลานของท่านมีการพัฒนาพื้นฐานสู่การพัฒนาด้านร่างกายที่สมดุลย์ตั้งแต่ปฐมวัย นักเรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมกลางแจ้งและการเรียนว่ายน้ำ หลักสูตรของโรงเรียนยังได้รวมไปถึงกิจกรรมการออกกำลังกาย ซึ่งไม่เพียงแต่จะส่งเสริมนักเรียนให้มีการเจริญเติบโตทางกายภาพ แต่ยังส่งเสริมการเรียนรู้ ของพวกเขาในทักษะด้านอื่นๆที่สำคัญอีกด้วย
F. ความคิดสร้างสรรค์ และคุณค่าทางศิลปะ 
    โรงเรียนของเราเชื่อมั่นในความคิดสร้างสรรค์ โดยจัดการรวบรวม 4 องค์ประกอบในกิจกรรมศิลปะสำหรับห้องเรียนชั้นอนุบาล เช่น ภาพวาด การดนตรี การเต้นรำ และการละเล่น โดยเป้าหมายของเราสำคัญของเราคือการส่งเสริม ความสนใจใฝ่รู้ที่จะเรียนรู้ผ่านสิ่งแวดล้อมรอบตัว กิจกรรมศิลปะในระดับชั้นอนุบาลในโรงเรียนของเรามีเพียบพร้อมด้วยส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงออก ผ่านการทำความเข้าใจ รูปร่าง สี ภาษา และการกระทำนั่นเอง

กลุ่มที่3 Kids International School

หลักการและเหตุผล
    โรงเรียน คือ สถานที่สำหรับฝึกสอนนักเรีย
นภายใต้การดูแลของครูหรืออาจารย์ หลายประเทศมีระบบการศึกษาอย่างเป็นทางการ ส่วนใหญ่เป็นการศึกาาภาคบังคับ โรงเรียนจึงมีความสำคัญสำหรับเด็กและเยาวชนของชาติเป็นอย่างมาก
     ผู้บริหารของโรงเรียนมองเห็นความสำคัญของการพัฒนาเด็กโดยเฉพาะเด็กในระดับปฐมวัย หรือที่เราเรียกว่าการเรียนในระดับอนุบาล เพราะการเรียนในระดับปฐมวัยจะเป็นพื้นฐานในการเรียนและเป็นพื้นฐานในการใช้ชีวิตของเด็กในอนาคต ซึ่งการจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัยของโรงเรียนในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนการสอนแบบให้เด็กเรียนรู้เรื่องวิชาการ และเน้นให้เด็กอ่านออก เขียนได้ก่อนวัย ซึ่งเด็กก็จะเรียนรู้แบบท่องจำ เป็นนกแก้วนกขุนทอง ไม่มีความเข้าใจในเนื้อหาการเรียนการสอน โรงเรียนของเราจึงมีนโยบายการจัดการเรียนรู้ให้เด็กปฐมวัยอย่างเป็นองค์รวม ตรงกับความสนใจของเด็ก และยังตรงกับพัฒนาการตวามวัยของเด็กปฐมวัยอีกด้วย เพราะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจะเรียนรู้ผ่านการเล่น ประกอบกับผู้บริหารและชุมชน มีที่ดินพอเหมาะสำหรับการจัดตั้งโรงเรียนขนาดเล็ก สภาพแวดล้อมเอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก เหมาะสำหรับการค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองโดยมีครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก
     ดังนั้น ผู้บริหารและชุมชนจึงร่วมกันสร้าง และพัฒนาโรงเรียนขึ้นมาเพื่อเป็นสถานศึกษาของเด็กนักเรียน และยังเป็นแหล่งการเรียนรู้ของชุมชน เพื่อพัฒนาเด็กให้เป็นเยาวชนที่ดีของปะเทศในอนาคต

วัตถุประสงค์
1. เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้ และสถานศึกษาของคนในชุมชน
2. เพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นพลเมืองดีของประเทศ
3. เพื่อสร้างสถานศึกษาให้เป็นตัวอย่างในการจัดการเรียนรู้แบบพัฒนาผู้เรียนอย่างเป็นองค์รวม

ข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษา 
1. ข้อมูลทั่วไป
ชื่อสถานศึกษา Kids International School
ตั้งอยู่เลขที่ 1/1 ถนน รัชดาภิเษก แขวง จันทรเกษม เขต จัตุจักร จังหวัด กรุงเทพมหานคร
รหัสไปรษณีย์ 10900 โทรศัพท์ 02-111-1111 โทรสาร 02-111-1111
e-mail Kidsinter_school@gmail.com website http:// Kidsinternational.ac.th
สังกัด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน

ปรัชญาของโรงเรียน 
     มุ่งเน้นให้นักเรียนสร้างพื้นฐานในการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองผ่านการเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวม เพื่อให้นักเรียนมีความพร้อมทั้งด้านร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคม สติปัญญา และสามารถนำความรู้ไปใช้ในการพัฒนาตนเองให้เป็นพลเมืองดีต่อไป

วิสัยทัศน์ 
   โรงเรียน Kids International School จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้นำที่ดี มีคุณธรรมสามารถสื่อสารได้ในระดับนานานชาติ มีทักษะชีวิต เป็นพลเมืองที่ดีของโลก 


คติพจน์ของโรงเรียน

วิชฺชา วร ธน โหติ วิชาเป็นทรัพย์อันประเสริฐ

พันธกิจ
1. ส่งเสริมผู้เรียนให้เป็นผู้นำตามความสามารถและความถนัด
2. ปลูกฝังให้ผู้เรียนปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ มีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยมอันพึงประสงค์ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
3. ยกระดับการสื่อสารภาษาขึ้นสู่ระดับสากล
4. ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
5. ปลูกฝังให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม

โครงสร้างหลักสูตร
        ระยะเวลาเรียน 2 ปีการศึกษา
หลักสูตรระดับปฐมวัย
ระดับชั้นอนุบาล 1 – อนุบาล 3 (ช่วงอายุ 3 – 6 ปี)
สาระการเรียนรู้
ประสบการณ์สำคัญ
สาระที่ควรรู้
ด้านร่างกาย
เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก
ด้านอารมณ์จิตใจ
เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก
ด้านสังคม
ธรรมชาติรอบตัวเด็ก
ด้านสติปัญญา
สิ่งต่างๆ รอบตัวเด็ก

กิจกรรมหรือวิชาที่สอนเสริม ให้กับเด็กปฐมวัยทุกระดับชั้น คือ
No.
กิจกรรม
1
ภาษาอังกฤษ
2
ภาษาไทย
3
ดนตรี
4
การงานอาชีพและเทคโนโลยี
5
คณิตศาสตร์
6
วิทยาศาสตร์

จัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ 6 กิจกรรมหลัก
ลำดับที่
กิจกรรมประจำวัน
ชั้นเรียน
ชั่วโมง : วัน
1
เคลื่อนไหวและจังหวะ
20 นาที
2
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
30 นาที
3
กิจกรรมเสริมประสบการณ์
40 นาที
4
กิจกรรมเสรี
30 นาที
5
กิจกรรมกลางแจ้ง
40 นาที
6
เกมการศึกษา
20 นาที
7
ทักษะพื้นฐานในชีวิตประจำวัน
2 ชั่วโมง

รวม
5 ชั่วโมง / วัน
1000 ชั่วโมง / ปี


ความรู้ที่ได้รับ : การจัดตั้งสถานศึกษาต้องทำตามขั้นตอนให้ครบและถูกต้องทุกกระบวนการ ซึ่งแต่ละแห่งก็มีคุณสมบัติมีหลักการหลักสูตรแตกต่างกันออกไป

ประเมินอาจารย์  :  อาจารย์มีความพร้อมในการให้ความรู้แก่นักศึกษา พร้อมแนะนำรายละเอียดต่างๆในเนื้อหาที่เรียนเพื่อให้นักศึกษาเข้าใจ
ประเมินเพื่อน  :ทุกคนนั่งเรียนด้วยความสงบเรียบร้อย แต่งกายตามระเบียบมหาวิทยาลัย ตั้งใจฟังอาจารย์ผู้สอบรรยาย
ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียนและไม่ส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนที่อยู่ข้างๆ ให้ความร่วมมือในการเรียนการสอน และเข้าเรียนตรงต่อเวลา

บันทึกการเรียนรู้ ครั้งที่13
วันพุธ ที่4 เมษายน 2561

เนื้อหา
การนำเสนอคำคมทางการบริการคุณลักษณะของผู้นำที่ดี
โดย นางสาวศิริพร บุญประคม

การนำเสนอคำคมทางการบริการคุณลักษณะของผู้นำที่ดี
โดย นางสาวสุดารัตน์ อาจจุฬา

การนำเสนอคำคมทางการบริการคุณลักษณะของผู้นำที่ดี
โดย นางสาวนิตยา นนทคำจันทร์

     กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร
ความหมายการนิเทศ


จุดมุ่งหมายของการนิเทศ
เนื้อหาสาระในการนิเทศ

กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร
      ความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการด้านวิชาการในการปฏิรูปการเรียนรู้นั้น ทุกคน ทุกฝ่ายนับเป็นองค์ประกอบสำคัญ การเป็นเพื่อนร่วมทางที่จะเดินไปด้วยกัน อย่างไว้ใจและเชื่อว่าจะชี้แนะช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ให้ก้าวไปในทางที่ถูกต้องด้วยน้ำใจมิใช่อำนาจ คือ หนทางแห่งกัลยาณมิตร นักวิชาการนิเทศ ได้กล่าวเกี่ยวกับการนิเทศที่คำนึงถึงฐานวัฒนธรรมไทยว่า
- ความเป็นกัลยาณมิตรเป็นกุญแจทองที่จะไขเปิดประตูแห่งความเป็นมิตร
- ความอ่อนน้อมถ่อมตน ยังเป็นคุณสมบัติที่คนไทยทุกคนยอมรับ
- ความจริงใจเป็นเครื่องหล่อลื่นสัมพันธภาพ
- ความมีน้ำใจ เป็นหยดทิพย์ที่ทำให้จิตใจชุ่มชื่นบาน
- การใช้คำพูดที่สุภาพ จริงใจสม่ำเสมอเป็นเครื่องส่งเสริมความรู้สึกที่ดีต่อกัน

กัลยาณมิตร ๗ ประการในการนิเทศ
1. ปิโย - น่ารัก สบายใจ สนิทสนม ชวนให้อยากปรึกษา
2. ครุ - น่าเคารพ ประพฤติสมควรแก่ฐานะ อบอุ่น เป็นที่พึ่งปลอดภัย
3. ภาวนีโย - น่ายกย่อง / ทรงคุณความรู้ /ภูมิปัญญาแท้จริง และหมั่นปรับปรุงตนอยู่เสมอ
4. อตตา จ - รู้จักพูดให้ได้ผล รู้จักชี้แจงให้เข้าใจ รู้ว่าควรพูดอะไร อย่างไร เป็นที่ปรึกษาที่ดี
5. วจนก ขโม - อดทนต่อถ้อยคำ พร้อมที่จะรับฟังคำปรึกษา / คำถามคำวิพากษ์วิจารณ์
6. คมภีรญจ กถ กตตา - แถลงเรื่องลึกล้ำได้ อธิบายเรื่องที่ยากให้ง่ายได้
7. โน จฏฐาเน นิโยชเน - ไม่แนะนำเรื่องเหลวไหล แนะไปในทางเสื่อม

องค์ประกอบของกัลยาณมิตร
1. ให้ใจ - การปฐมนิเทศสร้างความเข้าใจร่วมกัน
2. ร่วมใจ - การร่วมคิด ร่วมทำงาน แลกเปลี่ยนรู้ซึ่งกันและกัน
3. ตั้งใจ - เป็นการร่วมกันสร้างสรรค์คุณภาพในการทำงาน
     + มุ่งมั่นสู่เป้าหมายร่วมกัน
     + ช่วยกันแก้ปัญหา
     + ถือว่าผลงานคือคุณภาพของผู้เรียน
4. เปิดใจ - การวัดและประเมินตนเอง ประเมินผลงาน
     + ประเมินผลการพัฒนาการอย่างเที่ยงตรง
     + ปราศจากอคติ

กระบวนการกัลยาณมิตร
1. ไม่มุ่งเน้นปริมาณ - เน้นความชัดเจนของขั้นตอน วิธีการ
2. สานพลังอาสา - เริ่มที่ศรัทธา / อาสาสมัคร / ไม่ใช่การสั่งการ
3. เสวนาร่วมกัน - ใช้อปริหานิยธรรม ๗
    + หมั่นประชุมเป็นเนืองนิตย์
    + พร้อมเพรียงทำกิจที่พึงทำ
    + ปฏิบัติตามหลักการที่วางไว้/สิ่งใดดีอยู่รู้รักษา
    + ศรัทธา ยอมรับนับถือกันและกัน
    + ไม่บังคับ /ไม่ห้ำหั่น /ลุแก่อำนาจบังคับบัญชา
    + พัฒนาไปตามสภาพจริงของสถานศึกษาที่เป็นเรื่องชัดแจ้ง
    + คุ้มครองเสริมแรง ห้ำกลังใจ
4. สร้างสรรค์ความเป็นมิตร - ชักชวนให้ร่วมกันพัฒนา
5. ฝึกคิดมุ่งมั่น - มีความเพียร อดทน รู้จักใช้เหตุผล
6. ทุกวันปฏิบัติ - ทำอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยเกื้อหนุน ๔ ประการ
1. องค์ความรู้
2. แรงหนุนจากต้นสังกัด
3. ผู้บริหารทุกระดับ
4. บุคลากรทั้งสถานศึกษา

บทบาทของผู้บริหารในการนิเทศ
      กระบวนกัลยาณมิตร เป็นการปฏิบัติจริงในสภาพที่เป็นจริง ผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศต้องมีการปรึกษาหารือ ติดต่อสื่อสาร เยี่ยมเยียน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ช่วยแก้ปัญหาและให้กำลังใจกัน
    ถ้าจะเปรียบผู้นิเทศก็เป็นเหมือนครูฝึก ( coach ) ของผู้สอน ที่จะต้องโดดลงไปร่วมคิดร่วมทำ มิใช่เพียงร้องบอกให้ผู้สอนลองผิด ลองถูก ตามยถากรรม อาจต้องบอกวิธีให้รู้ สาธิตให้ดุ และช่วยแก้ไขข้อบกพร่องที่พบ
    การพบปะสนทนาเมื่อเวลานิเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู ศึกษานิเทศก์ กรรมการศึกษา ชุมชนรอบๆสถานศึกษา จะได้ทราบทุกข์ สุข และก่อให้เกิดความเข้าใจในปัญหาพื้นฐาน เพื่อกำหนดจุดมุ่งหมายในการทำงานต่อไป

       “ คลินิกครู ” มีความจำเป็นสำหรับสถานศึกษา โดยจัดช่วงเวลาที่ครูสมารถมาพบในลักษณะกลุ่มสนใจ หรือตามประเด็นปัญหาที่มีผู้นิเทศสนทนา ให้คำแนะนำ โดยเตรียมข้อมูลเพื่อพบปะสนทนากันใน “ คลินิก ” การเข้าใช้บริการ “ คลินิกครู ” อาจมีลักษณะเป็นรายบุคคล เป็นคู่ หรือเป็นกลุ่มย่อยตามความสมัครใจ ครูที่เข้าพบเป็นผู้เปิดประเด็นและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน มุ่งสนับสนุนในการพัฒนาบุคลากรใน
โรงเรียนโดยผู้บริหารต้องเป็นผู้นำในการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ โดยมีโครงการร่วมคิดร่วมทำ เพื่อปรับปรุงพัฒนา ซึ่งผู้บริหารอาจจัดระบบนิเทศ เป็น 3 ลักษณะ คือ
1. นิเทศการจัดบรรยากาศห้องเรียน
2. นิเทศการจัดการเรียนการสอน
3. การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันของครู

      หลักประการสำคัญของกัลยาณมิตรนิเทศ คือเข้าใจวัฒนธรรมการคิดและ การทำการคิดและการทำงานของครู ผู้นิเทศย่อมตระหนักดีว่าครูทำงานหนักและ จำเจ เดิมๆ ซ้ำๆ หากมีใครสักคนเข้ามาดูงานของเขา อาจทำให้เขาเครียด เกร็ง ระมัดระวัง และรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ ธรรมดา เพราะเขาคิดว่าต้องมีภาระเพิ่มขึ้น การทำงานหนักขึ้นและอาจเกิดการต่อต้าน ผู้นิเทศจึงจำเป็นต้องเริ่มงานด้วยความสัมพันธ์ที่ดี ให้ครูรู้สึกไว้วางใจ พร้อมกับนำกระบวนการนิเทศสอดแทรกกลมกลืนเข้าไปกับภาระงานปกติของครู การเยี่ยมเยียน การติดต่อสื่อสารกับครูควรหลีกเลี่ยงการใช้อำนาจของการตรวจสอบ หรือพิพากษาว่าใครถูก ใครผิด แต่ควรเป็นการให้กำลังใจ ใช้วิธีการพูดทางบวก มีการแลกเปลี่ยนความคิด และปรึกษาหารือให้ครูรู้จักสบายใจ

แนวทางการนิเทศ
1. สร้างความสัมพันธ์ แจ้งภารกิจและความมุ่งหมาย จัดเวลา กำหนดวิธีการทำงาน
2. จัดนิทรรศการทางวิชาการและสาธิตรูปแบบการสอน
3. แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จัดบริการเอกสารทางวิชาการ
4. วางแผนร่วมกัน เพื่อศึกษาดูงาน
5. แนะให้ปฏิบัติตามสภาพจริง
6. พบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผลการปฏิบัติ และหาทางแก้ไขปรับปรุง
7. เข้าร่วมประชุม สัมมนา การฝึกอบรมตามโอกาส
8. นำเสนอผลงานในการประชุมปฏิบัติการ
9. วัดและประเมินผลงานกัลยาณมิตรนิเทศ

ความรู้ที่ได้รับ : หลักการสำคัญ พึงตระหนักว่าการนิเทศนั้นมิใช่การสั่งการ ตรวจสอบ บังคับบัญชา มิใช่การนิเทศกระดาษ แต่เป็นการนิเทศคน กระดาษ เป็นแผนการสอน คะแนนผลสัมฤทธิ์ หรือโครงการ เป็นองค์ประกอบที่แสดงร่องรอยการเรียนรู้ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุด ผู้นิเทศต้องนิเทศคน พูดคุยกับครู ดูพฤติกรรมของนักเรียน สังเกตบรรยากาศและความสัมพันธ์ในสังคมเรียนรู้นั้นเพื่อเข้าถึงสถานภาพและปัญหา นำไปสู่แนวทางการนิเทศที่ถูกต้อง

ประเมินอาจารย์  :  อาจารย์มีความพร้อมในการให้ความรู้แก่นักศึกษา พร้อมแนะนำรายละเอียดต่างๆในเนื้อหาที่เรียนเพื่อให้นักศึกษาเข้าใจ
ประเมินเพื่อน  :ทุกคนนั่งเรียนด้วยความสงบเรียบร้อย แต่งกายตามระเบียบมหาวิทยาลัย ตั้งใจฟังอาจารย์ผู้สอบรรยาย
ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียนและไม่ส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนที่อยู่ข้างๆ ให้ความร่วมมือในการเรียนการสอน และเข้าเรียนตรงต่อเวลา


บันทึกการเรียนรู้ ครั้งที่12
วันพฤหัสบดี ที่29 มีนาคม 2561

ศึกษาดูงานการบริหารจัดการสถานศึกษาศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา


ทางศูนย์ได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี 

ได้เห็นเด็กๆกำลังทำกิจกรรมหน้าเสาธง การมีผู้นำนักเรียนอยู่ด้านหน้าแถว เพื่อนำเพื่อนๆทำกิจกรรม เช่น ร้องเพลงชาติ สวดมนต์ แผ่เมตตา เต้น ร้องเพลง เป็นต้น

ได้ร่วมทำกิจกรรมกับเด็กๆ ในรูปคือกิจกรรมทำท่าประกอบเพลง

          จากนั้นคุณครูก็ได้นำนักศึกษาไปยังห้องประชุมอีกครั้ง เพื่อให้ข้อมูล อธิบายรายละเอียดต่างๆ ในการบริหารจัดการสถานศึกษา และในด้านอื่นๆอย่างละเอียด
การจัดการเรียนการสอน
   ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา มีความมุ่งมั่นปลูกฝังความเป็นผู้นำที่มีจริยธรรมอันดีงาม  พัฒนาความพร้อมในด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคมและสติปัญญาของเด็กให้เหมาะสมตามวัย  ฝึกให้เด็กสามารถคิด วิเคราะห์แก้ปัญหา และกล้ายอมรับผิดได้อย่างเหมาะสมตามวัย โดยผ่านบทบาทสมมุติ อีกทั้งอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่เด็กได้ลงมือทำด้วยตนเองมีครูเป็นผู้คอยช่วยเหลือให้คำแนะนำ โดยแบ่งนักเรียนเป็น ระดับชั้น ดังนี้

ระดับเตรียมพร้อม
    นักเรียนสามารถช่วยเหลือตนเองเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน สามารถสื่อความหมายสั้นๆ ง่ายๆ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
ระดับอนุบาล 1
    พัฒนาความพร้อมทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญาตามวัย พัฒนาความพร้อมของกล้ามเนื้อเล็กและกล้ามเนื้อใหญ่ประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา สร้างระเบียบวินัยการอยู่ร่วมกันในสังคม การช่วยเหลือตนเอง
ระดับอนุบาล 2
    เสริมสร้างระเบียบวินัยการอยู่ร่วมกันในสังคม กิริยามารยาทที่ดีงาม การช่วยเหลือตนเอง และเตรียมความพร้อมด้านวิชาการ
ระดับอนุบาล 3
    ปลูกฝังความเป็นผู้นำที่มีจริยธรรมอันดีงาม ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิชาการเพื่อพร้อมเข้าเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1



ประวัติศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา
          สำนักงานอนามัยกรุงเทพมหานครได้จัดการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำชุมชนวัดอมรทายิการามขึ้น หลังจากนั้นกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขได้สำรวจปัญหาในชุมชนพบว่า มีปัญหา 2 ประการ คือ ปัญหายาเสพติด และปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเด็ก  กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขจึงตัดสินใจเลือกแก้ปัญหาสุขภาพเด็ก โดยจัดตั้ง “ศูนย์รับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษาโดยขอความอนุเคราะห์เรื่องสถานที่จาก ท่านพระครูวิบูลธรรมภาณ เจ้าอาวาสวัดอมรทายิการาม  เริ่มแรกท่านให้ใช้กุฏิเก่าของท่าน มีจำนวนเด็ก 40-50 คน มีอาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก 4 คน ต่อมากุฏิเก่าเริ่มชำรุดทรุดโทรม ไม่สามารถซ่อมแซมได้ ท่านเจ้าอาวาสจึงอนุญาตให้สร้างอาคารหลังใหม่ เป็นอาคารชั้นเดียว โดยมีคณะสงฆ์ ครูและผู้ปกครองร่วมกันก่อสร้าง ได้รับการสนับสนุนทุนสร้าง จากสำนักงานเขตบางกอกน้อย ผู้ปกครองนักเรียน คณะครู และได้เปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา” เปิดเป็นทางการเมื่อวันที่  11 ตุลาคม  พ.ศ. 2527 ในปี พ.ศ.2530 ได้เปิดอย่างเป็นทางการ สภาสตรีแห่งชาติและสภาสังคมสงเคราะห์ได้ส่งอาสาสมัครเข้ารับการอบรมเสริมทักษะด้านการเลี้ยงดูเด็ก และอาหารเสริม  ต่อมา ได้เข้าสังกัด กองสังคมสงเคราะห์ กรุงเทพมหานคร ได้รับค่าตอบแทนวันละ 40 บาท อาสาสมัครจำนวน 4 คน ในปี พ.ศ.2536 กองพัฒนาชุมชนได้รับช่วงต่อมา  ให้การสนับสนุนโดยขึ้นค่าตอบแทน  80บาทต่อวัน  ทำงานและส่งเสริมพัฒนาอาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก ในเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เด็กแรกเริ่มอาสาสมัครผู้ดูแลเด็กมีวุฒิการศึกษา ปวช., ม.6, ม.3 เข้ามาทำงานด้วยใจรักเด็ก ไม่หวังค่าตอบแทน  ต่อมาได้ศึกษาต่อด้วยทุนตนเอง จนจบอนุปริญญา และปริญญาตรี เป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาตนเองและนำความรู้ใหม่ ๆ มาสอนเด็ก ส่วนพวกไม่มีทุนเรียนจะได้รับการอบรมในองค์กรต่าง ๆ  จากนั้นสำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร ได้สนับสนุนค่าตอบแทน เพิ่มเป็น 5,640 บาทและทำประกันสังคมให้ 
                ปัจจุบันมีนักเรียนอายุ  2 – 6 ปี  จำนวน 400-500 คน มีอาสาสมัครดูแลเด็กจำนวน  35 คน ได้สร้างอาคารเรียนเพิ่มเป็นอาคารเรียนเป็น 3 ชั้น  และใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2546  จัดกิจกรรมให้นักเรียนได้มีพัฒนาการครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนการสอน ด้านสภาพแวดล้อมให้เจริญตามลำดับมีอาสาสมัครชาวต่างชาติจาก หน่วยงานCross-Cultural Solutions (CCS) องค์กรอาสาสมัครนานาชาติ จดทะเบียนที่กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จัดส่งอาสาสมัครชาวต่างชาติมาช่วยสอนภาษาอังกฤษ ทำให้ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษาเป็นที่รู้จักและทำให้เป็นที่ยอมรับของผู้ปกครอง

        จากนั้นคุณครูได้พานักศึกษาชมห้องเรียนแต่ละห้องและห้องสมุด ซึ่งแต่ละห้องมีการออกแบบการจัดสถานที่ได้คุ้มค่าและเหมาะสมแก่การเรียนรู้ของเด็กมาก สภาพแวดล้อมโรงเรียนก็เช่นเดียวกัน ทุกบริเวณจัดว่าเป็นมุมที่เอื้อแก่การเรียนรู้ของเด็กทั้งหมด



สื่อการเรียนรู้จะเป็นแบบทำมือเองทั้งหมด 



เด็กๆกำลังรับประทานอาหาร ซึ่งจะหมุนเวียนแต่ละระดับชั้น

ขอขอบพระคุณอาจารย์กฤษตฤณ ตุ๊หมาด
ที่พาพวกเราไปศึกษาดูงานการบริหารจัดการสถานศึกษาในครั้งนี้

ขอขอบพระคุณศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา
ที่ได้ให้ข้อมูลสาระดีดีที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการสถานศึกษา และการจัดการเรียนการสอนภายในสถานศึกษาของท่าน ซึ่งมีรูปแบบที่ดีและเหมาะสมต่อพัฒนาการของเด็ก เพื่อนำไปปรับใช้ในการเรียนต่อไป





บันทึกการเรียน ครั้งที่14 วันพุธ ที่25 เมษายน 2561 เนื้อหา การนำเสนอคำคมทางการบริการคุณลักษณะของผู้นำที่ดี โดย นางสาวภัสสร คล้าย...